วันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2567 24:26 น.
ประชาสัมพันธ์
Home >> บทความศาสนา >> คุตบะห์ >> เส้นทางชีวิตในมิติของอิสลาม
เส้นทางชีวิตในมิติของอิสลาม

เส้นทางชีวิตในมิติของอิสลาม

คุตบะฮ์วันศุกร์

เรื่อง เส้นทางชีวิตในมิติของอิสลาม

โดย ผศ.ดร. วิศรุต  เลาะวิถี

إِنّ الْحَمْدَ للهِ نَحْمَدُهُ وَنَسْتَعِيْنُهُ وَنَسْتَغْفِرُهُ وَنَعُوْذُ بِاللهِ مِنْ شُرُوْرِ أَنْفُسِنَا وَسَيّئَاتِ أَعْمَالِنَا مَنْ يَهْدِهِ اللهُ فَلاَ مُضِلّ لَهُ وَمَنْ يُضْلِلْهُ فَلاَ هَادِيَ لَهُ اَلْحَمْدُ ِللهِ رَبِ الْعَالَمِيْنَ القَائِلُ : [قُلْ اِنَّ الْمَوْتَ الَّذِيْ تَفِرُّوْنَ مِنْهُ فَاِنَّهٗ مُلٰقِيْكُمْ ثُمَّ تُرَدُّوْنَ اِلٰى عَالِمِ الْغَيْبِ وَالشَّهَادَةِ فَيُنَبِّئُكُمْ بِمَا كُنْتُمْ تَعْمَلُوْنَ] أَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلهَ إِلاّ اللهُ وَأَشْهَدُ أَنّ مُحَمّدًا عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ

صَلَّى اللهُ عَلَى أَشْرَفِ الأَنْبِيَاءِ وَالْمُرْسَلِيْنَ نَبِيِّنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَأَصْحَابِهِ وَمَنْ سَارَ عَلَى نَهْجِهِ القَوِيْمِ وَدَعَا إِلَى الصِّرَاطِ المُسْتَقِيْمِ إِلَى يَوْمِ الدِّيْنِ وَسَلَّمَ تَسْلِيْمًا كَثِيْرًا

أَمَا بَعْدُ فَيَا عِبَادَ اللهِ أُوْصِيْكُمْ وَإِيَّايَ َنفْسِي بِتَقْوَى اللهِ حَقَّ تُقَاتِهِ فَقَدْ فَازَ الْمُتَّقُوْن

พี่น้อง ผู้มีหัวใจผูกพันกับอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่รักทั้งหลาย

          ณ เบื้องต้นนี้ ขออนุญาตย้ำเตือนตนเองและพี่น้องทุกท่าน ให้ยกระดับ “หัวใจ” ของเราสู่ความ     เปี่ยมล้นด้วย “ตักวา” ซึมซับความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ (ซุบฯ) อย่างยั่งยืน แน่นอน ตักวา” นั้น เป็นคำภาษาอาหรับสั้น ๆ แต่มีความหมายแฝงเร้นกับการเป็น “มุอ์มิน-ผู้ศรัทธา” อย่างยิ่ง ซึ่งมีนัยตรงตามคำจำกัดความที่ว่า امتثال الاوامر/ واجتناب النواهي

     แน่นอน คำจำกัดความทั้งสองนัยดังกล่าวนั้น หมายถึง การปฏิบัติตนตามบัญชาใช้ และละเว้น ห่างไกลจากบรรดาบัญญัติห้ามตามคำสอนอิสลามโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ ขอเรียนว่าตักวา” นั้น  มีนัยแห่งความหมายสอดคล้องกับสถานภาพของการเป็น “มุอ์มิน – ผู้ศรัทธา” อย่างแนบแน่นและลุ่มลึก เพราะการเป็น “มุอ์มิน-ผู้ศรัทธา” ที่ได้รับการซึมซับ ตอกย้ำด้วย “ตักวา”อย่างชัดเจนแล้ว ย่อมจะน้อมนำผู้ศรัททุกคนให้ได้รับการยกย่องและเชิดชูว่าเป็น ปูชนียบุคคล” ที่มีเกียรติและประเสริฐยิ่ง ซึ่งสอดรับกับนัยของอัลกุรอาน ดังนี้

إِنَّ أَكْرَمَكُمْ عِندَ ٱللَّهِ أَتْقَىٰكُمْ

          ความว่า แท้จริง ผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมู่พวกเจ้า ที่อัลลอฮฺนั้น คือผู้ที่มีความยำเกรงยิ่งในหมู่        พวกเจ้า” (อัลฮุจรอต : 13)

พี่น้อง ผู้มีหัวใจเปี่ยมล้นด้วยตักวา ทั้งหลาย

          มนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่ถือกำเนิดมา ณ โลกนี้ ล้วนได้รับการอนุมัติจากอัลลอฮื (สุบฯ) ทั้งสิ้น เฉพาะมนุษย์นั้น มีลักษณะพิเศษจากสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย แม้มนุษย์จะมีลักษณะรวมกับสิ่งที่มีชีวิตอื่น ๆ เช่น พืช และสัตว์ แต่องค์ประกอบของชีวิตมนุษย์ มีความละเอียดอ่อนและสลับซับซ้อนกว่าสิ่งที่มีชีวิตอื่น ๆ และ   สิ่งที่เสริมให้ชีวิตมนุษย์มีลักษณะเด่นเฉพาะในตัวเอง นั่นคือได้รับ “รุฮ์” จากอัลลอฮ์ (สุบฯ) เป็นสำคัญ  และคำว่า “รุฮ์” นั้น สอดคล้องกับภาษาไทยคือ “วิญญาณ” นั่นเอง

          นอกจากนี้ ประเด็นคำถามที่มักมีการกล่าวถึงอยู่เสมอคือ เราเกิดมาอย่างไร เกิดมาแล้วจะดำเนินชีวิต/ใช้ชีวิตอย่างไร หรือต้องทำอะไร  และมีจุดจบหรือจุดสุดท้ายแห่งชีวิต ณ หนใด ซึ่งบรรดาคำถามเหล่านี้ เรียกว่า “ปรัศนีชีวิต” ที่ต้องการคำตอบเพื่อเติมเต็มการเป็นมุอ์มิน-ผู้ศรัทธา ที่แท้จริง

ขอเรียนเพิ่มเติมว่า การที่อัลลอฮฺ (สุบฯ) ทรงสร้างโลกใบนี้ ย่อมเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงความสามารถเเละความรอบรู้อันสมบรูณ์ของพระองค์  เนื่องจากทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ ต่างเเซ่ซ้องสดุดีต่อพระองค์  ดังนั้น เมื่อมนุษย์รู้ในเรื่องดังกล่าว  เขาก็จะหันหน้าสู่การเคารพภักดีต่อพระผู้อภิบาลของเขาด้วยความศรัทธามั่น

อัลลอฮ์ (สุบฯ) ตรัสว่า

ٱللَّهُ  ٱلَّذِي  خَلَقَ  سَبۡعَ  سَمَٰوَٰتٖ  وَمِنَ  ٱلۡأَرۡضِ  مِثۡلَهُنَّۖ  يَتَنَزَّلُ  ٱلۡأَمۡرُ  بَيۡنَهُنَّ  لِتَعۡلَمُوٓاْ  أَنَّ  ٱللَّهَ  عَلَىٰ  كُلِّ  شَيۡءٖ  قَدِيرٞ

وَأَنَّ  ٱللَّهَ  قَدۡ  أَحَاطَ  بِكُلِّ  شَيۡءٍ  عِلۡمَۢا

ความว่า “อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และทรงสร้างแผ่นดินเยี่ยงนั้น พระบัญชาจะลงมาท่ามกลางมันทั้งหลาย (ชั้นฟ้าและแผ่นดิน) เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือ   ทุกสิ่ง และแท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงห้อมล้อมทุกสิ่งไว้ด้วยความรอบรู้ (ของพระองค์) (อัฏเฏะลาค  65 : 12)

 อีกนัยหนึ่ง ถือเป็นการยืนยันได้ว่า อัลลอฮ์ (สุบฯ) ทรงสร้างญินเเละมนุษย์ เพื่อให้แสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์ โดยไม่มีภาคีใด ๆ ทั้งสิ้น  ดังปรากฏตามนัยแห่งอัลกุรอาน ดังนี้

وَمَا  خَلَقۡتُ  ٱلۡجِنَّ  وَٱلۡإِنسَ  إِلَّا  لِيَعۡبُدُونِ مَآ  أُرِيدُ  مِنۡهُم  مِّن  رِّزۡقٖ  وَمَآ  أُرِيدُ  أَن  يُطۡعِمُونِ

 ความว่า “และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเคารพภัคดีต่อข้า ข้าไม่ต้องการปัจจัยยังชีพจากพวกเขา และข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาให้อาหารแก่ข้า”  (อัซซาซิยาต  51 : 56 – 57)

 ยิ่งกว่านั้น อัลลอฮ์ (สุบฯ) ทรงสร้างมนุษย์ โดยพระองค์ทรงบอกถึงเป้าหมายของการสร้างมนุษย์ไว้ กล่าวคือ เพื่อเป็นตัวแทน (เคาะลีฟะฮ์) ของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน เพื่อให้มนุษย์สร้างความเจริญบนหน้าแผ่นดิน  เพื่อให้มนุษย์เคารพภักดีต่อพระองค์  และเพื่อเป็นการทดสอบมนุษย์สู่การเป็นมุอ์มิน-ผู้ศรัทธา     เป็นสำคัญ

พี่น้อง ผู้ได้รับความรัก และความเมตตาของอัลลอฮ์ (สุบฯ) ทั้งหลาย

เส้นทางเดินชีวิตของทุกคนนั้น ย่อมต้องก้าวผ่าน “จตุรภพ” หรือ “ 4 โลก” เหมือนกันทั้งสิ้น  เนื่องจากอัลลอฮ์ (สุบฯ) ได้ทรงสร้างมนุษย์มาสู่โลก โดยให้ก้าวผ่านขั้นตอน กาลเวลา สถานที่ สภาพการณ์ต่าง ๆ  เเละสุดท้ายไปบรรจบอยู่ยังสถานที่อันนิรันดร์ ไม่สรวงสรรค์ชั้นบรมสุข หรือหุบเหวเเห่งไฟนรก  ซึ่งมีเส้นทางชีวิต ดังต่อไปนี้

  1. โลกในท้องเเม่ นับเป็นโลกใบเเรก หลังจากที่มนุษย์เริ่มปฏิสนธิ เเละเป็นบ้านหลังเเรกที่อาศัยอยู่ โดยใช้ชีวิตในนั้นเป็นระยะเวลา 9  เดือน อาจจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่เเต่ละคน โดยอัลลอฮ์ (สุบฯ) ได้ประทานปัจจัยต่าง ๆ  ในโลกของความมืดมนนี้ให้ ด้วยความรอบรู้ ด้วยวิทยปัญญาของพระองค์  ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม เเละสิ่งที่เหมาะสมในการพักพิงขณะนั้น เหตุผลที่เห็นชัดเจนมี 2 ประการ คือ เพื่อให้อวัยวะในร่างกายมีความสมบรูณ์  และลืมตาออกมาสู่โลกดุนยา หลังจากการรังสรรค์ของพระองค์มีความสมบูรณ์
  2. โลกดุนยา เป็นโลกที่กว้างกว่าโลกในท้องของมารดา การใช้ชีวิตในโลกใบนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าในท้องของมารดา อัลลอฮ์ (สุบฯ) ได้ประทานทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ เเละได้เพิ่มสติปัญญา โสตประสาทการได้ยิน ตาในการมองเห็น ส่งเราะซูลมาเพื่อแผ่ความเมตตา ประทานคัมภีร์อัลกุรอานสั่งใช้ให้เคารพภักดี  ห้ามปรามมิให้ฝ่าฝืนสัญญา สำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามคำเชื่อฟังดังกล่าว ก็จะได้รับสรวงสวรรค์ และตอบเเทนผู้ฝ่าฝืนด้วยนรก สำหรับเหตุผลที่ให้บุคคลหนึ่งปรากฏในโลกดุนยานี้มี 2 ประการ คือ เพื่อให้การศรัทธาของเขาที่มีต่ออัลลอฮ์สมบรูณ์ เเละให้การประกอบคุณงามความดี  ซึ่งอัลลอฮ์ (สุบฯ) ทรงกำหนดเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาได้รับสรวงสวรรค์ ต่อจากนั้น เขาก้าวออกจากโลกใบนี้ พร้อมเสบียงที่ได้สะสมไว้ เพื่อก้าวสู่โลกอีกใบหนึ่ง
  3. โลกบัรซัค หรือโลกในกุโบร์ ณ โลกใบนี้ นับเป็นจุดเเรกที่ก้าวสู่โลกอาคิเราะฮ์ มวลมนุษย์อยู่ที่นี่จนกระทั่งทุกสรรพสิ่งที่ถูกสรรค์สร้างบุบสลายกลายเป็นกาลสิ้นโลก ส่วนใหญ่ จะอยู่ในโลกนี้นานกว่าการที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกดุนยา จะได้รับความสุข ความอบอุ่นหรือความน่าสะพรึงกลัว ย่อมมีความ ล้ำลึกเเละสมบรูณ์มากยิ่งกว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณผลงานที่ปฏิบัติ บางคนอาจได้รับสรวงสวรรค์อันสถาพร หรืออาจเป็นหุบเหวเเห่งไฟนรก ซึ่งการตอบเเทนจะเริ่มจากจุดนี้ ต่อจากนั้น ก็จะไปพำนักอยู่ในสถานที่อันนิจนิรันดร์ ไม่สรวงสวรรค์ก็หุบเหวของไฟนรก
  4. โลกอาคิเราะฮ์ ณ โลกใบนี้ จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างอมตะนิรันดร์กาล ไม่มีวันบุบสลาย การตอบเเทนด้วยสวรรค์ชั้นบรมสุข จะเป็นของกำนัลแก่ผู้ศรัทธา เขาจะได้รับทุกอย่างที่อารมณ์ปรารถนา  ดังนั้น ผู้ใดได้ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ (สุบฯ) รักในโลกดุนยาอย่างสมบรูณ์ด้วยอีหม่าน-ศรัทธา มีจรรยามารยาทอันดีงาม เเละประกอบคุณความดีต่าง ๆ อัลลอฮ์ (สุบฯ) ก็จะประทานความสมบรูณ์ให้เเก่เขาในวันกิยามะฮ์ ในสิ่งที่เขารัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ตาไม่เคยพบเห็นหรือสัมผัสมาก่อน โสตประสาทไม่เคยได้ยิน เเละหัวใจของมนุษย์ไม่เคยจินตนาการไปถึง เเต่ในมุมตรงกันข้าม หากเขากลับมาสู่อัลลอฮ์ (สุบฯ) ในสภาพที่ไม่มีอีหม่าน-ศรัทธา หรือไม่ประกอบคุณความดีแล้วไซร้ ผลตอบเเทนคือ การถูกจองจำพันธนาการด้วยไฟนรกตลอดกาล

พี่น้อง ผู้ได้รับการทดสอบชีวิต ที่รักทั้งหลาย

          อัลลอฮ์ (สุบฯ) ได้ประทานความสุขและความทุกข์ให้แก่มนุษย์ โดยขึ้นอยู่กับระดับของอีหม่าน-ศรัทธาและการประกอบคุณงามความดี หรือในทางตรงกันข้าม ขึ้นอยู่กับการปฏิเสธและการประกอบความชั่ว ดังนั้น ผู้ที่ศรัทธาและดำรงตนอยู่ในการประกอบความดี ตามที่อัลลอฮ์และเราะซูลใช้ เขาจะมีความสุขในโลกดุนยาและจะมีความสุขเพิ่มขึ้นขณะที่เขาเสียชีวิต โดยที่มวลมะลาอิกะฮ์จะแจ้งข่าวดีในสิ่งที่เขาปรารถนา ต่อจากนั้น ความสุขของเขาจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาอยู่ในกุโบร์  และจะมีความสุขอย่างเติมเปี่ยมมากยิ่งขึ้น เมื่อได้เข้าไปพำนักอยู่ในสรวงสวรรค์อันอมตะนิรันดร์กาล

          อัลลอฮ์ (สุบฯ) ตรัสว่า

مَنۡ  عَمِلَ  صَٰلِحٗا  مِّن  ذَكَرٍ  أَوۡ  أُنثَىٰ  وَهُوَ  مُؤۡمِنٞ  فَلَنُحۡيِيَنَّهُۥ  حَيَوٰةٗ  طَيِّبَةٗۖ  وَلَنَجۡزِيَنَّهُمۡ  أَجۡرَهُم  بِأَحۡسَنِ  مَا  كَانُواْ  يَعۡمَلُونَ

ความว่า “ผู้ใดปฏิบัติตามความดี ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้นเราจะให้เขาดำรงชีวิตที่ดี และแน่นอน เราจะตอบแทนพวกเขา ซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาเคยปฏิบัติ” (อัลนะห์ลุ 16 : 97)

พี่น้องที่รักทั้งหลาย

          บทสรุปของคุตบะฮ์ในวันนี้ มีดังต่อไปนี้

  1. เราเกิดมาเป็นมุสลิม ต้องใช้ชีวิตในสายธารศรัทธาของอิสลาม ตั้งแต่เกิดจนถึงวันสุดท้ายชองชีวิต
  2. อัลลอฮ์ (สุบฯ) ทรงรังสรรค์เรามา เพื่อให้เราได้ประกอบอามัลอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ทุกรูปแบบ ซึมซับด้วยอีหม่าน-ศรัทธา เรียนรู้สรรพวิทยาการทั้งหลาย เพื่อการเติมเต็มชีวิตตลอดเวลา สู่การปฏิบัติตนและใช้ชีวิตเฉกเช่นมุอ์มิน – ผู้ศรัทธาอย่างยั่งยืน
  3. ขณะนี้ เราผ่านโลกในท้องแม่ และใช้ชีวิตในโลกดุนยา เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกแห่งบัรซัคหรือ ในหลุมฝังศพ โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อเป็นเส้นทางสำคัญสู่โลกอาคิเราะฮ์ อันเป็นโลกอมตะนิรันดร์กาล และเป็นจุดแห่งการเดินทางชีวิตสุดท้าย
  4. การใช้ชีวิตให้ซึมซับด้วยความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ (สุบฯ) อย่างยั่งยืนนั้น จะเป็นสะพานเชื่อม จิตวิญญาณ ทำให้ชีวิตของ “มุอ์มิน-ผู้ศรัทธา” สามารถผ่านบททดสอบทุกรูปแบบ ณ โลกดุนยานี้ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย – อินชาอัลลลอฮ์

أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَأَسْتَغْفِرُ اللهَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمٍيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ وَالْمُؤْمِنِيْنَ وَالْمُؤْمِنَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ  إِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ

ดาวน์โหลด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

กรุณาเติมคำตอบในช่องว่างก่อนเข้าระบบ *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Scroll To Top