อาจารย์อรุณ บุญชม
ประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร
เติมเต็มความรักให้ท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.)
ความรักท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) จะมีความเข้มข้นเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับความมีอีหม่าน (ความมีศรัทธา)ของมุสลิมแต่ละคน ถ้าหากอีหม่านของเขาเพิ่มขึ้นความรักท่านนบี(ซ.ล.) ก็เพิ่มขึ้น ความรักท่านนบบี (ซ.ล.) เป็นการตออัตภักดีต่ออัลลอฮ์ และเป็นการทำตนให้เข้าใกล้ชิดกับพระองค์ ศาสนาจึงบัญญัติไว้ว่าการรักท่าน นบี (ซ.ล.) นั้นเป็นหน้าที่ (วาญิบ) ของมุสลิมทุกคน
รายงานจากอะนัส (ร.ด.) ว่าท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า
” لَا يُؤْمِنُ أَحَدُكُمْ حَتَّى أَكُوْنَ أَحَبَّ إلَيْهِ مِنْ وَالِدِهِ وَوَلَدِهِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِيْنَ ” . رواه البخاري ومسلم.
ความว่า “ คนใดจากพวกท่านจะยังไม่มีอีหม่าน(ศรัทธา)ที่สมบูรณ์ จนกว่าฉันจะเป็นที่รักของเขายิ่งกว่าบิดามารดาของเขา และลูกของเขา และยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งมวล” บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม
ความรักท่านนบี(ซ.ล.) จะเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้
หนึ่ง. ท่านนบี(ซ.ล.) ถูกแต่งตั้งเป็นศาสนทูตมาจากพระองค์อัลลอฮ์ผู้อภิบาลที่ได้ทรงคัดเลือกท่านมายังมนุษย์ทั้งปวง เพื่อทำหน้าที่เผยแผ่หลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลาม และที่พระองค์ทรงคัดเลือกท่าน ก็เพราะรักท่านและพึงพอพระทัยในตัวท่าน ถ้าหากพระองค์อัลลอฮ์ไม่รักท่าน ไม่พอพระทัยในตัวท่าน ก็คงไม่คัดเลือกท่านและไม่แต่งตั้งท่านมายังมวลมนุษย์ ดังนั้นพวกเราจะต้องรักบุคคลที่อัลลอฮ์รัก และพวกเราจะต้องพอใจผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และพวกเราจะต้องรู้ว่าท่านเป็นมิตรสนิทของอัลลอฮ์ และการเป็นมิตรสนิทนั้นเป็นตำแหน่งที่สูงส่ง และเป็นขั้นของความรักที่สูงที่สุด
สอง. รู้ว่าตำแหน่งของท่านนบี (ซ.ล.) ที่อัลลอฮ์ ตาอาลา ได้ทรงเลือกสรรให้ท่านได้รับนั้นถือว่าท่านเป็นผู้ที่มีความประเสริฐที่สุดในหมู่มวลมนุษย์ รายงานจากอะบู ฮุรอยเราะห์ (ร.ด.) ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า “ฉันเป็นผู้นำลูกหลานของอาดัมในวันกิยามะห์ ฉันเป็นคนแรกที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นจากหลุมฝังศพ ฉันเป็นคนแรกที่ขอความช่วยเหลือ และเป็นคนแรกที่ได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือในวันกิยามะห์” บันทึกโดยมุสลิม
สาม. รู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.) ต้องเผชิญกับอุปสรรค ความยากลำบาก และการทดสอบต่างๆ เพื่อเผยแผ่ศาสนา และนำศาสนาอิสลามให้มาถึงพวกเรา และพวกเราจำเป็นต้องรู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.) ถูกขัดขวาง ถูกด่าทอ ถูกเหยียดหยาม ถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า เป็นนักไสยศาสตร์ ท่านถูกวางแผนลอบสังหาร ท่านต้องอพยพออกจากดินแดนที่ท่านรักคือมักกะห์ ไปยัมะดีนะห์ ท่านต้องต่อสู้เพื่อปกป้องศาสนาโดยเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อนำอิสลามให้มาถึงพวกเรา.
สี่. ปฏิบัติตามอัครสาวกของท่านนบี(ซ.ล.) ในการทุ่มเทความรักให้แก่ท่าน ที่พวกเขาเหล่านั้นรักท่านนบี(ซ.ล.) มากยิ่งกว่ารักทรัพย์สิน ยิ่งกว่ารักลูก ยิ่งกว่ารักพ่อแม่ และยิ่งกว่ารักตัวเองดังจะเห็นได้จากตัวอย่างต่อไปนี้
รายงานจากอะนัส (ร.ด.) ได้กล่าวว่า “ฉันเห็นท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ขณะมีช่างโกนศีรษะกำลังโกนผมของท่าน โดยมีเหล่าอัครสาวก(ศอฮาบะห์)ของท่านเดินวนอยู่รอบๆตัวท่าน พวกเขาไม่ต้องการให้ผมของท่านตกลงแม้เพียงสักเส้นเดียว นอกจากตกลงอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่ง” บันทึกโดยมุสลิม
รายงานจากอะนัส (ร.ด.) ได้กล่าวว่า ในวันสมรภูมิที่อุฮุด ประชาชนได้แตกพ่ายออกไปจากท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) โดยมีอะบู ตอลฮะห์ ยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าท่าน เขาใช้โล่ป้องกันท่าน อะบูตอลฮะห์ เป็นนักแม่นธนูที่แข็งแรงในวันนั้นเขาทำคันธนูหักไปสองหรือสามคัน มีชายคนหนึ่งผ่านมาพร้อมซองใส่ลูกธนู ท่านนบี(ซ.ล.) ได้กล่าวแก่ชายคนนั้นว่า ท่านจงโปรยลูกธนูให้แก่อะบู ตอลฮะห์ โดยท่านนบี(ซ.ล.) ได้ชะเง้อมองฝ่ายศัตรู อะบูตอลฮะห์ได้กล่าวว่า โอ้ผู้เป็นนบีของอัลลอฮ์ ขอเอาบิดาและมารดาของฉันแลกกับตัวท่าน ท่านอย่าชะเง้อมอง เพราะลูกธนูของฝ่ายศัตรูจะโดนคอของท่าน โดยผ่านเลยจากคอของฉันไป.. บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม
ห้า. ปฏิบัติตามซุนนะห์ของท่านนบี(ซ.ล.) ทั้งคำพูดและการกระทำ และนำซุนนะห์ของท่านมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ให้ความสำคัญกับคำพูดของท่าน และแบบอย่างจากการกระทำของท่าน และต้องยึดหลักอะกีดะห์ตามหลักอะกีดะห์ของท่าน และผู้ที่เจริญรอยตามท่านจากชาวอะห์ลิซซุนนะห์วั้ลญะมาอะห์.
สิ่งที่กล่าวมานี้จะช่วยเพิ่มพูนศรัทธาอีหม่าน และเพิ่มพูนความรักในท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.)ให้มากยิ่งขึ้น.