วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 16:22 น.
ประชาสัมพันธ์
Home >> บทความศาสนา >> คุตบะห์ >> กลิ่นอายของความศรัทธา
กลิ่นอายของความศรัทธา

กลิ่นอายของความศรัทธา

กลิ่นอายของความศรัทธา

               اَلْحَمْدُ ِللهِ الَّذِيْ أَنْزَلَ دِيْنَهُ لِيَعْمَلَ بِهِ عِبَادُهُ فَيَكُوْنُوْا مِنْ أَهْلِ الْفَلاَحِ  . وَأَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ الَّذِيْ خَلَقَنَا هُنَا لِيَتَمَيَّزَ اْلعَاصُوْنَ مِنْ أَهْلِ الصَّلاَحِ  . وَأَشْهَدُ أَنَّ سَيِّدَنَا مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ بُعِثَ لِتَهْذِيْبِ اْلأَرْوَاحِ  . اللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى آلِهِ وَصَحْبِهِ وَمَنِ اقْتَدَى بِهَدْيِهِ الْمُبِيْن  .

               أَمَّا بَعْدُ فَيَا عِبَادَ اللهِ  . إِتَّقُوا اللهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلاَتَمُوْتُنَّ إِلاَّ وَأَنْتُمْ مُسْلِمُوْنَ  . فَقَدْ قَالَ اللهُ تَعَالَى فِي الْقُرْآنِ الْكَرِيْمِ  : مَنْ عَمِلَ صَالِحًا مِنْ ذَكَرٍ أَوْ أُنْثَى وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَلَنُحْيِيَنَّهُ حَيَاةً طَيِّبَةً وَلَنَجْزِيَنَّهُمْ أَجْرَهُمْ بِأَحْسَنِ مَا كَانُوْا يَعْمَلُوْنَ  .

ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก

                มาชีเตาะห์ (مَاشِطَةُ) ชื่อของหญิงคนหนึ่ง ที่มีความอีหม่าน นางดำรงชีวิตกับครอบครัวของนาง ภายใต้การปกครองของฟาโรห์ ซึ่งอ้างตัวเป็นพระเจ้า สามีนางเป็นคนใกล้ชิดของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) แต่นางเป็นคนรับใช้และผู้ดูแลบุตรสาวของฟาโรห์

                อัลลอฮ์ตะอาลา ได้ทรงประทานความแน่นแฟ้น แห่งความศรัทธาเหนือสามีของนางและตัวของนาง จนกระทั่ง ฟาโรห์ทราบว่า สามีนางอีหม่านต่ออัลลอฮ์ จึงได้ฆ่าสามีของนาง ส่วนตัวนาง ยังคงทำหน้าที่เป็นคนรับใช้และหวีผมให้แก่บุตรสาวของฟาโรห์ พร้อมยังเลี้ยงดูลูกของนางอีก 5 คน นางได้นำอาหารมาให้ลูกของนาง เหมือนกับแม่นกที่ให้อาหารลูกๆ ที่อยู่ในรัง

                ในขณะที่นางหวีผมให้แก่ลูกสาวของฟาโรห์ ในวันหนึ่ง บังเอิญหวีหลุดจากมือนาง นางก็กล่าวว่า บิสมิ้ลละห์ (بِسْمِ اللهِ) ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ลูกสาวฟาโรห์จึงกล่าวว่า บิดาของข้า คือ พระเจ้า มาชีเตาะห์ ได้ส่งเสียงร้องว่า หาเป็นเช่นนั้นไม่ อัลลอฮ์ คือ พระเจ้าของข้าพเจ้าและของนาง และเป็นพระเจ้าของพ่อของนาง

                ลูกสาวฟาโรห์ เกิดความไม่พอใจมาซีเตาะห์ นางได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับบิดาของนาง ฟาโรห์เกิดแปลกใจว่ายังมีคนในปราสาทที่มีพระเจ้าอื่นจากเขากระนั้นหรือ จึงให้ทหารไปนำมาชีเตาะห์มา และฟาโรห์ก็กล่าวแก่นางว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า มาชีเตาะห์ตอบว่า พระเจ้าของข้าพเจ้าและของท่าน คือ อัลลอฮ์ โดยขู่บังคับให้มาชีเตาะห์ละทิ้งจากศาสนาอิสลาม และได้นำตัวไปกักขัง ลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี แต่ก็ไม่ทำให้นางละทิ้งจากศาสนาของนาง ฟาโรห์ ได้สั่งให้เหล่าทหารนำหม้อที่ทำจากทองเหลือง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำมันตั้งบนกองไฟจนเดือดจัด นำนางมายืนอยู่ต่อหน้าหม้อน้ำมันที่เดือดจัด เมื่อนางแลเห็นการทรมานทำให้นางยิ่งมั่นใจว่า นางคือชีวิตเดียวที่ต้องจากไป และก็จะได้พบกับอัลลอฮ์ (ซ.บ) ความตายไม่ได้ทำให้นางขาดอีหม่านเลย

                แต่กระนั้นฟาโรห์รู้ดีว่าสิ่งที่นางรักมากที่สุดนั้นคือลูกๆ ของนางอีก 5 คน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่นางต้องเลี้ยงดูอยู่ ความชั่วร้ายของฟาโรห์ทำให้ฟาโรห์ มีความปรารถนาเพิ่มการทารุณ จึงได้ใช้ทหารไปนำลูกทั้ง 5 คน ของนางมาด้วย น้ำตาของลูกกำพร้าทั้ง 5 คน ไหลรินและไม่ทราบว่าจะถูกพาไปไหน เมื่อลูกกำพร้าทั้ง 5 คน แลเห็นมารดาของพวกเขา จึงเข้ามากอดนางในสภาพที่น้ำตาอาบแก้ม มาชีเตาะห์ ก้มลงจูบและหอมลูกๆ ของนาง พร้อมกับร้องไห้ นางได้อุ้มลูกคนเล็กที่สุดไว้ในอ้อมอก และให้นมจากทรวงอกของนาง เมื่อฟาโรห์เห็นสภาพดังกล่าว ได้ให้บรรดาเหล่าทหารลากลูกของนางคนโตสุด โยนไปบนน้ำมันที่เดือด เสียงเด็กร้องหาแม่และขอความช่วยเหลือ เหล่าบรรดาทหารได้ขอความเมตตาจากฟาโรห์ แต่ก็ไม่ได้รับความปราณีแม้แต่นิดเดียว ลูกของนางที่เหลืออยู่ก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับตีทหารด้วยกับสองมือเล็กๆ สภาพที่ทหารกระชากลูกๆ ของนาง และนางก็ยืนมองอำลา ไม่ได้ผ่านไปเว้นเสียแต่เวลาอันเล็กน้อย ลูกของนางก็ถูกโยนไปในน้ำมันที่เดือด นางไม่สามารถขัดขวางได้ นอกเสียจากการร้องไห้กับยืนมองเท่านั้น ส่วนลูกที่เหลืออยู่ของนางก็เอามืออันเล็กปิดตา จนกระทั่งเนื้อในหม้อน้ำมันที่เดือดละลาย กระดูกที่มี สีขาวลอยขึ้นสู่ผิวน้ำมันที่เดือด

                ฟาโรห์ได้มองมายังมาชีเตาะห์ และบังคับให้นางปฏิเสธอัลลอฮ์ ความอีหม่านทำให้นางยืนหยัด ได้สร้างความโกรธให้แก่ฟาโรห์เป็นทวีคูณ และได้ให้ทหารกระชากลูกคนที่ 2 รองลงมาออกจากอกของนาง ขณะเสียงของลูกเรียกหาแม่ ขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งถูกโยนลงไปในหม้อน้ำมันที่เดือด นางยืนมองด้วยหัวใจที่สลาย กับเนื้อของลูกที่ละลาย กระดูกที่ขาวลอยขึ้นมาปะปนกับกระดูกของลูกชายคนโต มาชีเตาะห์ยังคงยืนหยัดบนศาสนาของนาง มั่นใจต่อการพบพระเจ้าของนาง

                ฟาโรห์ได้ทำเช่นนี้กับคนที่ 3 และ 4 แต่ก็ไม่ทำให้อีหม่านของมาชีเตาะห์ลดหย่อนไปเลย สายตาของนางมองไปยังหม้อน้ำมันที่เดือดเนื้อหนังของลูกๆ ละลาย เสียงร้องไห้สิ้นสุด นางเพียงแต่ได้กลิ่นของเนื้อและเห็นกระดูกเล็กๆ ลอยเหนือน้ำมันที่เดือด นาง คือ แม่ ที่มองกระดูกของลูกๆ ความจริงลูกๆ ของนางจากนางไปสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว นางร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด เพราะการจากไปของลูกๆ นางสิ้นหวังแล้วจากการนำลูกสู่อ้อมกอด การให้นมลูกจากทรวงอกของนาง นางหมดหวังแล้วจากการอดหลับอดนอนเมื่อลูกๆ ของนางตื่นและสิ้นหวังแล้วที่จะร้องไห้ จากการร้องไห้ของลูกๆ กี่คืนแล้วที่ลูกนอนบนตักของนาง เล่น ดึงผมของนาง นางหมดหวังแล้วที่จะสวมใส่เสื้อผ้าให้แก่ลูกๆ และสิ้นหวังจากการปกป้องอันตรายแก่ลูกๆ ขณะลูกเล็กของนางกำลังดื่มนมจากทรวงอกของนาง ทหารของฟาโรห์ที่ชั่วร้ายได้กระชากลูกของนางออกจากทรวงอกเสียงร้องดังขึ้นจากเด็กที่ไร้เดียงสาและเสียงร้องไห้อันเจ็บปวดจากหญิงที่น่าสงสารที่หัวใจแตกสลาย อัลลอฮ์ จึงให้เด็กน้อยพูดได้โดยกล่าวแก่ผู้เป็นแม่ไปว่า

يَا أُمَّاهْ إِصْبِرِيْ فَإِنَّكِ عَلَى الْحَقِّ

          ความว่า  “โอ้…คุณแม่สุดที่รัก แม่จงอดทนเถิด แท้จริงแม่อยู่บนสัจธรรม”

                เมื่อสิ้นสุดเสียงของลูกนาง นางก็เพียงแต่เห็นว่าลูกนางคนเล็กถูกโยนไปในหม้อน้ำมันที่เดือดเหมือนกับพี่น้อง ทั้งๆ ที่ในปากของลูกคนเล็กยังมีน้ำนมของนางอยู่และในมือยังมีเส้นผมจากเส้นผมของนางและคราบน้ำตาของลูกยังคงติดที่เสื้อผ้าของนาง ลูกทั้ง 5 คนของนาง ได้จากนางไปแล้ว นางผู้น่าสงสารมองไปยังกระดูกของลูกๆ ที่ลอยในน้ำมันที่เดือดประดุจดังวิญญาณของนางที่กำลังจะล่องลอยออกจากเรือนร่าง นางไม่สามารถแม้แต่เพียงเช็ดน้ำตาให้ลูกแม้แต่ครั้งเดียว ขณะเดียวกันนางสามารถที่จะปกป้องลูกได้โดยการเพียงพูดเป็นประโยคสั้นเพียงประโยดเดียวให้ฟาโรห์ได้ยินว่า นางปฏิเสธอัลลอฮ์ แต่นางก็ไม่กระทำดังกล่าวเพราะนางทราบดีว่า ณ ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) นั้นคือ ความดีตอบแทนและคงทนถาวร

                เวลาไม่ได้ผ่านไปนานเท่าใดเลย เหล่าทหารของฟาโรห์ ได้จู่โจมและลากนางเหมือนกับหมาบ้า เมื่อเหล่าทหารได้ลากนางเพื่อจะโยนนางไปในหม้อน้ำมันที่เดือด นางได้มองไปยังกระดูกของลูกๆ ของนาง นางก็นึกได้ว่า นางจะใช้ชีวิตพร้อมกับลูกๆ ของนางในโลกหน้าแล้ว นางได้เหลียวมองไปยังฟาโรห์ และกล่าวว่า โอ้ฟาโรห์ข้ามีความปรารถนาจากท่าน ฟาโรห์ ได้ส่งเสียงร้องอันดังว่า นางต้องการอะไร ?          มาชีเตาะห์กล่าวว่า ให้ท่านเอากระดูกของข้าพเจ้าและกระดูกของลูกๆ ข้าพเจ้ารวมกันและฝังมันในหลุมเดียวกัน นางปิดสองสายตาของนางและถูกโยนลงไปในน้ำมันที่เดือด เนื้อหนังของนางไหม้เกรียม กระดูกสีขาวลอยเหนือปากหม้อ ความยืนหยัดของนางช่างยิ่งใหญ่และผลบุญของนางก็มากมายเหลือเกิน

                ท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ศ้อลฯ) ได้แลเห็นในคืนอิสรออฺ เสี้ยวหนึ่งจากความผาสุขของมาชีเตาะห์ ซึ่งได้เล่าให้แก่บรรดาซอฮาบะห์ฟัง โดยมีบันทึกจากท่านบัยฮะกีย์ว่า

لمَاَّ أُسْرِيَ بِيْ مَرَّتْ بِيْ رَائِحَةٌ طَيِّبَةٌ .. فَقُلْتُ : مَا هَذِهِ الرَّائِحَةُ  فَقِيْلَ لِيْ : هَذِهِ مَاشِطَةُ بِنْتُ فِرْعَوْنَ وَ أَوْلاَدُهَا   

ความว่า  “เมื่อข้าพเจ้าได้ถูกนำพา (อิสรออฺและเมี๊ยะรอจ) ได้มีกลิ่นหอมอบอวลผ่านมายังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ถามว่านี่คือกลิ่นอะไรกัน? จึงมีคำตอบแก่ข้าพเจ้าว่า นี่คือ กลิ่นหอมของมาชีเตาะห์และลูกๆ ของนาง”

                ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก

                ท่านจงเหน็ดเหนื่อยและอดทนในวันนี้ ท่านจะได้พักผ่อนในวันพรุ่งนี้ แท้จริงชาวสวรรค์จะถูกกล่าวแก่พวกเขาในวันกิยามะห์ว่า

سَلاَمٌ عَلَيْكُمْ بِمَا صَبَرْتُمْ فَنِعْمَ عُقْبَى الدَّارِ  : سورة الرعد :   الآية 24

ความว่า  “ความศานติจงมีแด่พวกท่าน เนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน มันชั่งดีเสียนี้กระไรที่พำนักบั้นปลายนี้”

أَقُوْلُ قَوْلِيْ هَذَا وَأَسْتَغْفِرُ اللهَ الْعَظِيْمَ لِيْ وَلَكُمْ وَلِسَائِرِ الْمُسْلِمِيْنَ وَالْمُسْلِمَاتِ فَاسْتَغْفِرُوْهُ إِنَّهُ هُوَ الْغَفُوْرُ الرَّحِيْمُ

 

คุตบะห์ฉบับไฟล์ PDF

  • ดาวน์โหลดไฟล์คุตบะห์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

กรุณาเติมคำตอบในช่องว่างก่อนเข้าระบบ *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Scroll To Top